สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์บทความวิเคราะห์การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ถ้าเพื่อนๆกำลังลงทุนอยู่หรือสนใจที่จะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง บทความนี้น่าจะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพของตลาดทุนและ Crypto market ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
0xhaninLetter ครั้งนี้จะพูดถึง
-
Macro economic : วิเคราะห์ตลาดโดยภาพรวมด้วย Market Overview
-
Crypto Market Analysis : วิเคราะห์ตลาด crypto ด้วย Stable coin market cap
-
สรุปมุมมองตลาดของผม
ไปดูกันครับ 🚀
*** นี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง นักลงทุนอาจสูญเสียมูลค่าการลงทุนทั้งหมด โปรดลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
1. ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค (Macro Economic)
ก่อนอื่นมารู้จักกับ Global liquidily cycle กันก่อน
Global liquidily cycle คือ วงจรเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องทั่วโลกที่เกิดจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงในสภาพคล่องนี้มักเกิดขึ้นเป็นรอบหรือวัฏจักร โดยมีการขึ้นและลงตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนของเงินทุนในระบบเศรษฐกิจโลก
ถ้าเราดูจากกราฟโดยปกติแล้ว Global Liquidity Cycle จะวิ่งเป็น Cycle ขึ้นๆลงๆทุกๆประมาณ 5-6 ปี ซึ่งจะสามารถอธิบายการขึ้น และ หดตัวของ Liquidity ในดังนี้
-
ในช่วงที่ Liquidity ขึ้นจะเป็นช่วงที่ ธนาคารกลางดอกเบี้ยตํ่า และ มีการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ(QE) ซึ่งจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจดี และ จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ
-
ในช่วงที่ Liquidity ลงจะเป็นช่วงที่ ธนาคารกลางดอกเบี้ยสูง และ มีการทำ QT หรือ ดึงเงินออกจากระบบ ซึ่งโดยปกติจะทำแบบนี้ในตอนที่เศรษฐกิจมีความร้อนแรงเกินไป และ เงินเฟ้อสูง
โดยปัจจุบัน เราอยุ่ในช่วงไหน สามารถดูได้จาก indicator เหล่านี้ครับ
1.1 อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (US Interest Rate)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps (0.5%) ในเดือนกันยายน 2024 สู่ระดับ 4.75%-5% เป็นการลดครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากที่คงดอกเบี้ยสูงเป็นระยะเวลานาน (Higher for Longer) เพื่อรับมือกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการลดลงของอัตราเงินเฟ้อ
Remark : การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมักตามมาด้วยมาตรการ QE (พิมพ์เงิน) เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนการกู้ยืมก็จะน้อยลง ส่งผลให้มีการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดเพิ่มขึ้น
โดยเราสามารถดู ปริมาณเงิน M2 (M2 Supply) เป็นตัวแทนของสภาพคล่องในตลาดได้
1.2 ปริมาณเงิน M2 (M2 Supply) คือดัชนีชี้วัดปริมาณเงินสดและเงินฝากทั้วโลก มีความสำคัญในการวัดปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ โดยถ้าสังเกตจากกราฟ ปริมาณ M2 Supply เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคม 2023 สะท้อนถึงสภาพคล่องที่มากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
โดยทุกครั้งที่ M2 supply เริ่มมีแนวโนมเป็นขาขึ้น มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Crypto bull run รอบถัดไป
1.3 งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve Banks Balance Sheet)
แม้ว่าปริมาณ M2 Supply จะเพิ่มขึ้น แต่ Federal Reserve ยังคงมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน แตกต่างจาก Oct’2020 ที่ ปริมาณ M2 Supply และ Federal Reserve มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน
สรุป : จะเห็นว่า ณ ปัจจุบัน Liquidity เริ่มที่จะเป็นขาขึ้น ธนาคารกลางเริ่มดอกเบี้ย และ เริ่มมีการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ(QE) จาก จีน ตามมาด้วย อังกฤษ และ ยุโรป แต่ยังขาดการ QE จากสหรัฐ ตราบเท่าที่ไม่มีการเพิ่ม Balance Sheet ของ FED โอกาสที่สินทรัย์เสี่ยงจะ go to the moon อาจจะไม่ได้เยอะครับ
ต่อไปลองมาดูภาพของ Crypto market กันบ้าง ว่าจะมีทิศทางเดียวกันมั้ย
2. Crypto Market Analysis
2.1 ปริมาณ Stablecoin (Stablecoin Supply) Stablecoin เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพคล่องในตลาดคริปโต ยิ่งมีเยอะ ยิ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่องที่มากขึ้น ส่งผลให้ราคา Crypto มีแนวโน้มเป็นบวก โดยปริมาณ stablecoin มีแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่ตุลาคม 2023 (same as Macro view)
3. สรุปมุมมองตลาดของผม : แนวโน้ม Liquidity cycle เริ่มเป็น + ตั้งแต่ปลายปี 2023 และยังคง Momentum เป็น + หลังจากเริ่มมีการลดอัตตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงการอัดฉีดเงินจาก จีน , อังกฤษ และ ยุโรป ทำให้ ณ ปัจจุบันเป็นจุดที่น่าสนใจที่จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง ถ้าในอนาคต Federal Reserve เริ่มอัดฉีดเงินตามมาเหมือนช่วง Oct’2020 ก็จะทำให้เกิด Bull market เต็มตัว
ทำให้ผมมองว่าตอนนี้ตลาดอยู่ในสภาะวะ Early Bull ครับ
โดยแผนส่วนตัวของผมคือ Liquidity Cycle Bottom ให้ทยอยเก็บของเรื่อยๆ(ช่วงนี้) แต่ถ้าช่วง Liquidity Cycle Top ให้ทำการทยอยขาย (Q4 2025 - Q1 2026)
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนไม่มากก็น้อย วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
评论 (0)